วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

พลาเซนต้า (Placenta) คืออะไร

พลาเซนต้า (Placenta) คือ รกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นส่วนที่เชื่อมต่อจากสะดือ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเพื่อเลี้ยงดูตัวอ่อนให้เจริญเติบโต และยังมีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวอ่อนด้วย 

ในพลาเซนต้า ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่มีประโยชน์หลายชนิดมาก และ placenta ยังมี stem cell stimulating factor ซึ่งจะช่วยกระตุ้น stem cell ในร่างกายที่อยู่ในภาวะพัก ให้กลับมามี activity เหมือนกับการเปิดสวิทซ์ ให้ stem cell เริ่มการทำงาน ในการซ่อมแซมร่างกาย และพบว่า placenta peptide สามารถกระตุ้น stem cell ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติถึง 8 เท่า ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลัดเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพแล้วออกไป แล้วสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ อันจะมีผลต่อเนื่องไปยังการทำงานต่างๆ ของร่างกาย และก่อให้เกิดประโยชน์ตามมาอย่างมากมาย
credit ภาพ : http://gracesimplegalz.com/wp-content/uploads/2015/06/woman-pondering-question.jpg
ประเภทของพลาเซนต้า 
พลาเซนต้ามีหลายประเภท ทั้งแบบชนิดฉีด เครื่องดื่ม แบบผง และแบบแคปซูลเม็ด แล้วแต่กรรมวิธีการสกัด ซึ่งแบบฉีดนั้นมีมานานตั้งแต่สมัยโบราณแล้วในการใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ เช่น แพ้เกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง หรือ โรคผิวหนัง ผิวแห้งง่าย โดยส่วนมากจะเป็นพลาเซนต้าที่สกัดมาจากของมนุษย์ แต่เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีโรคติดต่อหลายชนิดมาก มีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสโรคตับอักเสบบี โรคหัดเยอรมัน และโรคติดต่อทางเลือดอื่นๆ โดยเฉพาะโรคเอดส์ เนื่องจากอบแห้งไม่ใช้เวลานานพอในการกำจัดไวรัสได้ อีกทั้งยังมีต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ มาก ปัจจุบันจึงนิยมสกัดพลาเซนต้าจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม คือ ม้า หมู แกะ วัว เป็นต้น แต่เนื่องจากวัวและแกะก็มีโรคติดต่อร้ายแรงคือโรค BSE (หรือที่เรียกกันว่า โรควัวบ้า) ซึ่งมีผลทำให้สมองเสื่อม ในประเทศญี่ปุ่นจึงมีกฎหมายห้ามผลิตพลาเซนต้าที่ทำมาจากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรค BSE นี้ คือ วัวและแกะ จึงเหลือเฉพาะหมูและม้าเท่านั้น สำหรับพลาเซนต้า

ประโยชน์ของพลาเซนต้า พลาเซนต้าสามารถสร้างกรดอะมิโน เกลือแร่ และ สารอาหารที่สำคัญและจำเป็นในการสนับสนุนให้กำเนิดชีวิตและซ่อมเซลล์ส่วนที่ เสียหายได้ ในอดีตตั้งแต่สมัยโบราณ หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามที่สุดในสมัยก่อนอย่าง คลีโอพัตราก็ยังได้นำพลาเซนต้าหรือที่เรียกว่า"รก"ในสมัยนั้นมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณเพื่อความงาม หรือแม้แต่ชาวจีนก็ยังรู้จักใช้รกเป็นยาอายุวัฒนะมายาวนานกว่าพันปี  Placenta จึงคล้ายกับโอเอซีสหรือแหล่งน้ำท่ามกลางทะเลทราย ช่วยทำให้ดินที่แตกระแหง หรือ ผิวหนังที่เหี่ยวย่นชุ่มชื้น  ความเครียดจากการทำงานหนัก ร่างกายเสื่อมโทรมลงด้วยหลายสาเหตุ ยิ่งดื่มจัด เที่ยวดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะเสื่อมโทรมลง แก่ก่อนวัย ทั้งนี้เนื่องจาก เซลล์ใหม่เกิดทดแทนเซลล์ที่ตายและ เสียหายไม่ทัน ประโยชน์ของ Placenta สารสกัดจาก Placenta ไม่มีฮอร์โมนอื่นใดเป็นพิเศษ มีแต่เพียงสารอาหารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ที่คอยอนุบาลทารก เป็นสารอาหารที่คนสูงอายุขาดแคลนมานาน แม้ว่าจะไม่มีฮอร์โมนใด แต่สารสกัดจากรกกลับกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนได้เอง และ มีระดับใกล้เคียงกับวัยหนุ่มสาว เช่น HSG, HPL, HCT, HCC, ACTH, DHEA และ เอนไซม์ เป็นต้น สารอาหารจาก Placenta คืนความสมดุลของกรดและด่างในเลือด ทำให้ของเสียจากเซลล์ถูกขับถ่ายออกมา เลือดไหลเวียนดีขึ้น อวัยวะทำงานดีขึ้น การมองเห็นเด่นชัด ด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญและจำเป็นที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ขึ้นใหม่

กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นได้รับรองและจัดให้พลาเซนต้า (Plancenta) ถือเป็นสารที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากสารทั้งหมด 9 ชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากพลาเซนต้า มีคุณสมบัติช่วยเร่งปฏิกิริยาการพลัดผิวใหม่แทนที่เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพอันเนื่องมาจากการได้รับรังสียูวีจากแสงแดดและเกิดการสร้างเมลามินจำนวนตามมา ทำให้ผิวหมองคล้ำ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า การใช้พลาเซนต้าอย่างต่อเนื่อง จะช่วยผลัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพและกำจัดเม็ดสีเมลานินส่วนเกินออกจากร่างกาย จึงมีผลทำให้ผิวขาวขึ้นและใสขึ้นนั่นเอง สารให้ความขาว 9 ชนิดที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นยอมรับอย่างเป็นทางการได้แก่ (1) Arbutin (อาร์บูติน) (2) Vitamin C Derivatives (อนุพันธ์วิตามินซี) (3) Placenta (พลาเซนต้า) (4) Ellagic Acid (5) Kamomira ET (6) Tranexamic (7) linoleic acid(กรดไลโนเลอิ) (8) Rucinol (9) T-AMCHA สารให้ความขาว (Whitening) 9 ชนิดข้างต้น เป็นสารที่ได้รับการยอมรับจากกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีคุณลักษณะพิเศษในตัว บางชนิดใช้ทา บางชนิดใช้กินเท่านั้น

ข้อมูลจาก http://thaiplacenta.com/ 

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ทานาคาคืออะไร

ทานาคาที่มีต้นกำเนิดในประเทศพม่า ที่คนทางภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน -เชียงราย 
จะใช้กันมาก ผงทานาคาสีเหลืองๆ นี้สาวชาวเหนือจะรู้จักมันมาแต่เด็กแล้วจะหาซื้อได้ที่ ตลาดท่าขี้เหล็ก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลักษณะจะเป็นสีเหลือง  ของแท้ต้อง  ไม่มีกลิ่นใด ๆ

ต้นไม้ทานาคา มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า LICODIA ACIDISSIMA  ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็ง ขึ้นในเขตแห้งแล้งในภาคกลางของประเทศพม่า แถบพุกาม เท่านั้น ส่วน  ส่วนที่มีกลิ่นหอมและเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ คือ ส่วนที่เป็นเปลือก   เวลาใช้ก็นำเอาท่อนไม้ทานาคามาฝนกับแผ่นหิน เจือด้วยน้ำเล็กน้อย แล้วใช้ทาเรือนร่างโดยเฉพาะใบหน้า  ไม้ ทานาคา มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงมาก ที่ เปลือกของไม้ทานาคา มีสาร OPC เช่นเดียวกับที่พบในเปลือกสนฝรั่งเศส และที่เนื้อในของไม้ทานาคามีสาร Curcuminoid ที่มักพบในขมิ้นชันที่ประเทศไทย  ทำให้ทานาคามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะต่อต้านความเสื่อมของเซลล์และยังช่วยป้องกันการเกิดสิว ด้วย   คุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย    ลดการเกิดจุดด่างดำและฝ้า  ช่วยลดผดผื่นคัน  มีฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน และยังช่วยป้องกันการทำลายผิวจากรังสียูวี



      สารสกัดทานาคา 100% ให้สารออกฤทธิ์ความเข้มข้นสูง ซึ่งได้ผลดีกว่าการใช้ผงทานาคาพอกผิวถึง100 เท่า ผง ทานาคา ที่ดีจะต้องมาจากไม้ทานาคาที่ตากแห้งตามธรรมชาติและนำมาบดเป็นผงให้ละเอียด โดยจะมีสรรพคุณในการชลอความชราของผิวได้ดีมาก ด้วยฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของทานาคา ที่มีประสิทธิภาพสูง และคงตัวได้ดี    ไม่สลายไปเมื่อโดนออกซิเจน เหมือน วิตามิน หรือ โดยที่เปลือกทานาคาบดละเอียดจะมีลักษณะเป็นผง  สีเหลืองนวล ใช้ผสมน้ำขัดหน้าและพอกไว้สักครู่จนแห้ง เป็นสมุนไพรรักษาสิวและความมันของใบหน้าได้เป็นอย่างดี


สรรพคุณในการประทินผิว
1. ปรับผิวขาวขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ปลอดภัย เพราะเป็นสมุนไพรจากธรรมชาติ
2. ลด ฝ้า กระ จุดด่างดำ รักษารอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. รักษาผดผื่น คัน ผิวอักเสบ แดงอาการแพ้ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ผสมน้ำทาให้เด็ก ๆ ที่เป็นผื่นได้
4. ควบคุมความมัน ทำให้สิวอักเสบ แห้งเร็ว และยุบตัว และไม่ให้เกิดสิวใหม่ขึ้นอีก5.ต่อต้านริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดริ้วรอยที่มีอยู่ให้ผิวคงความอ่อนเยาว์ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง
6. ป้องกันแสงแดดให้กับผิวได้อย่างดี โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี
7. ระงับกลิ่นตามร่างกาย
       


ประโยชน์ของอัลมอนด์สำหรับผิวพรรณ

อัลมอนด์เป็นหนึ่งในสุดยอดอาหาร ให้คุณค่าสารอาหารต่อร่างกายมากกว่าถั่วลิสง หรือถั่วเขียว ถั่วอัลมอนด์เป็นเมล็ดพืชที่เกี่ยวสัมพันธ์กับเมล็ดพีชและพลัม และไม่เพียงรสชาติที่อร่อยถูกปากเท่านั้น แต่ประโยชน์ของอัลมอนด์ยังคงดีต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย โดยเชื่อว่าการรับประทานอัลมอนด์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานดี ปัจจุบันนักวิจัยยังได้ทำการค้นคว้าว่าอัลมอนด์อาจจะมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งได้



สารอาหารที่สำคัญในอัลมอนด์
อัลมอนด์เป็นถั่วที่อุดมด้วยสารอาหารโปรตีน วิตามินบี 2 วิตามินอี กรดโฟลิก แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และกรดไขมันอิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกาย ประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Momounsaturated Fatty Acid) และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fatty Acid) ซึ่งช่วยเพิ่มระดับ HDL (High-Density Lipoprotiens) หรือไขมันดี และช่วยลดระดับ LDL (Low-Density Lipoprotiens) หรือไขมันเลว อัลมอนด์ยังอุดมไปด้วยโปรตีนจากพีช เส้นใยอาหาร และโอเมก้า-3
ประโยชน์ของอัลมอนด์
มีนักวิจัยที่ศึกษาค้นคว้าว่า อัลมอนด์มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอย่างกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน ส่วนโอเมก้า-3 ที่พบในอัลมอนด์เป็นแหล่งสารอาหารที่ดีสำหรับสมองและระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย โปรตีนในอัลมอนด์ยังช่วยในเรื่องของการทำงานกล้ามเนื้อ เสริมสร้างเซลล์ที่สึกหรอของผิวหนัง เส้นผม ทั้งยังช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย
อัลมอนล์ยังถูกนำมาแปรรูปด้วยการสกัดน้ำมัน นิยมนำมาใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผม ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวไม่แห้งหรือระคายเคือง ช่วยป้องกันและฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน หยาบกระด้างและลอก นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเส้นผลและหนังศีรษะ เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหนังศีรษะ ซึ่งจะทำให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีสุขภาพดี
ข้อมูลจาก http://prayod.com/

ถ่านไม้มีสรรพคุณมากกว่าที่คิด

ถ่านไม้มีสรรพคุณมากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่ดูดกลิ่นอับชื้น ยังสามารถนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ่านไม้ไผ่ที่เผาด้วยความร้อนสูง ได้มีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ขจัดสารตกค้างในร่างกาย นอกเหนือจากการใช้เป็นเชื้อเพลิง ประกอบอาหารตั้งแต่โบราณแล้ว เคล็ดลับแม่บ้านในห้องครัวอาจจะคุ้นเคย กับการวางก้อนถ่านไม้ดำๆ สักก้อนไว้ช่วยดูดกลิ่นในตู้เย็น แต่คงไม่คุ้นกับการใช้'ถ่าน'ในประโยชน์อื่นๆ อย่างเครื่องสำอาง สารขจัดพิษ หรือวัสดุเพื่อการผ่อนคลาย โดยเฉพาะถ่านไม้ที่ผลิตจากไม้ไผ่



ถ่านไม้ไผ่คืออะไร ถ่านไม้ไผ่ หรือ Bamboo Charcoal คือ ถ่านที่ได้จากการเผาไม้ไผ่ในอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส มีรูปทรงของไม้ไผ่ชัดเจน ผิวของถ่านจะมีความเงาเล็กน้อย หากเคาะกับพื้นแข็งจะมีเสียงดังกังวานเหมือนโลหะ เนื่องจากมีความบริสุทธิ์ของธาตุคาร์บอนสูง      ความรู้วิวัฒนาการการใช้ถ่านไม้ไผ่ตามเอกสารเผยแพร่โดย ศูนย์ประสานงานโครงการเกษตรผสมผสานและสถาบันเพื่อพัฒนาการเกษตรและชนบท จำเนียร สาระนาค หรือสจส.นั้น    (ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับถ่านสุขภาพ แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ โดย ปัญญา ปุลิเวคินทร์)
 
                       ระบุว่า มีต้นทางจากประเทศจีน เมื่อพบหลักฐานถ่านไม้จำนวน 5 ตันอยู่ในสุสานมัมมี่ผู้หญิงวัย 53 ปีอายุกว่า 2,100 ปีในประเทศจีน จึงสันนิษฐานว่า ถ่านถูกใช้ดูดความชื้นของอากาศ เพื่อรักษาความสดของมัมมี่ ต่อมาญี่ปุ่นนำเอาความรู้นี้ไปใช้อย่างแพร่หลายในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 สืบทอดถึงปัจจุบัน ซึ่งในจีนมีโรงงานผลิตถ่านไม้ไผ่ขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองกุ้ยหลินด้วย ถ่านชนิดนี้จึงรู้จักแพร่หลายในภาษาญี่ปุ่นว่า ทาเกะซูมิ หรือ ชิกุตัน คุณลักษณะพิเศษของถ่านไม้ไผ่ที่แตกต่างจากถ่านไม้อื่นๆ คือ ถ่านน้ำหนักเพียง 1 กรัม นั้นมีพื้นผิวภายในถึง 300-700 ตารางเมตร    ขณะที่ถ่านไม้ทั่วไปน้ำหนักเท่ากันมีพื้นผิวเพียง 50 ตารางเมตรเท่านั้น และถ่านไม้ไผ่มีโพรงภายในเนื้อถ่านมากกว่าชนิดอื่นถึง 4 เท่า    จึงสามารถดูดซับกลิ่นและมีจุลินทรีย์ที่จะย่อยสลายสารประกอบที่ถ่านดูดซับมาให้ระเหยไปได้ง่าย สำหรับถ่านที่ผ่านการเผาในความร้อนสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส    จะปล่อยรังสีอินฟราเรดคลื่นยาวที่ให้ความอบอุ่นและประจุลบ หรือ negative ion ที่สามารถเปลี่ยนอนุมูลอิสระให้เป็นออกซิเจน    ซึ่งคุณสมบัตินี้ถูกนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ขับพิษสารตกค้างในร่างกายได้      ถ่านไม้ไผ่ยังมีดูดซับคลื่นอิเลคทรอแม็กเนติก    และอุดมไปด้วยแร่ธาตุ อาทิ แคลเซียม โปแตสเซียม โซเดียมและธาตุเหล็ก เป็นต้น


ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ถ่านไม้ไผ่กับร่างกายจึงมีทั้ง  สบู่  ครีมบำรุงผิว  แชมพู  ครีมนวดผม  และน้ำแร่  ปรับสภาพผิว ซึ่งทั้งหมดนี้อาศัยการปล่อยประจุลบและแร่ธาตุในถ่าน   เพื่อขับล้างสารพิษตกค้างและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและเส้นผมนั่นเอง ประจุลบที่ถ่านไม้ไผ่ปล่อยออกมาทำปฏิกิริยาเปลี่ยนอนุมูลอิสระเป็นออกซิเจนนั้น   ยังมีผลต่อความดันโลหิต ระบบการหายใจและระบบประสาททำงานอัตโนมัติมีประสิทธิภาพขึ้น  มีผลต่อการนอนหลับและผ่อนคลาย  รังสีอินฟราเรดคลื่นยาวจากถ่านจะช่วยรักษาความอบอุ่นของร่างกาย     ประกอบกับการดูดซับความชื้น     ฟอกอากาศและขับไล่แมลงได้ จึงมีผู้นำถ่านไม้ไผ่ไปใช้ทำฟูกที่นอนและหมอน หรือเพียงแค่วางไว้ใต้เตียง ก็ช่วยขจัดความชื้นในห้องนอน
 
                        นอกจากนี้ถ่านไม้ไผ่ยังช่วยดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งรั่วซึมจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เตาอบและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ด้วย ข้อควรระวังบางอย่าง อย่างไรก็ตามคุณประโยชน์ของถ่านไม้ไผ่เหล่านี้      จะได้จากถ่านไม้ไผ่ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีการเผาด้วยความร้อนสูงอย่างถูกวิธีเท่านั้น

หมายเหตุ : ข้อมูลจากศูนย์ส่งเสริมสุขภาพมิชชั่น (รพ.มิชชั่น)
ดำดี..มีประโยชน์ โดย : ทศพร กลิ่นหอม นสพ.กรุงเทพธุรกิจ

กลีเซอรีน (Glycerin) คืออะไร

กลีเซอรีนเป็นสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตสบู่ ซึ่งผู้ผลิตเชิงอุตสาหกรรมจะแยกกลีเซอรีนที่เกิดจากการทำปฏิกริยาระหว่างไขมันหรือน้ำมันกับสารละลายด่าง ออกมาจากสบู่ และนำไปขายให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางและผู้ผลิตยา  ซึ่งกลีเซอรีนที่ได้จะมีมูลค่าสูงกว่าการนำไปใช้ผลิตสบู่ หรือเรียกได้ว่าสบู่เป็นเพียงประโยชน์รองทีได้จากการผลิตกลีเซอรีน 
สบู่ที่ผลิตได้จากโรงงานอุตสาหกรรมจึงเป็นเพียงเกล็ดสบู่ หรือ Soap Noodle หรือ Soap Chip และนำมาผลิตสบู่ตามกรรมวิธีของ Commercial Soap ข้างต้นนั่นเอง







 
สบู่ในรูปแบบนี้จึงทำหน้าที่เพียงชำระล้างหรือทำความสะอาด แต่ไม่ได้มีคุณค่าเพียงพอต่อการบำรุงผิว ดังนั้นหลังจากอาบน้ำด้วยสบู่ประเภทนี้ ผู้ใช้จะรู้สึกผิวแห้ง และจำเป็นต้องใช้ครีมบำรุงผิวควบคู่เสมอ
คุณสมบัติของน้ำมันชนิดต่างๆ

 
นอกจากกลีเซอรีนที่ได้จากการผลิตสบู่ Handmade จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นแล้ว การเลือกใช้น้ำมันก็มีผลต่อคุณภาพของสบู่ต่อผิวด้วย
- น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ทำให้เนื้อสบู่แข็ง มีฟองมาก แต่มีผลทำให้ผิวแห้ง
- น้ำมันปาล์ม ทำให้เนื้อสบู่แข็ง ทำความสะอาดได้ดี แต่ทำให้ผิวแห้ง
- น้ำมันมะกอก ทำให้ผิวชุ่มชื้น ฟองนุ่มเป็นครีม มีฟองน้อย เนื้อสบู่ที่ได้จะนิ่ม
- น้ำมันรำข้าว มีวิตามินอีสูง วิตามินอีทำให้ผิวชุ่มชื้น 
- น้ำมันเมล็ดทานตะวัน มีวิตามินอีสูง ทำให้ผิวชุ่มชื้น แต่มีฟองน้อย 
- น้ำมันงา มีวิตามินอีสูง ทำให้ผิวชุ่มชื้น แต่น้ำมันงามีกลิ่นเฉพาะ ส่งผลให้สบู่มีกลิ่นหืนง่าย
- น้ำมันถั่วเหลือง มีวิตามินอีสูง ทำให้ผิวชุ่มชื้น เนื้อสบู่ที่ได้จะมีรูพรุน 


ความแตกต่างระหว่าง Commercial Soap กับ Handmade Soap

ความแตกต่างระหว่าง Commercial Soap กับ Handmade Soap

Commercial Soap: เป็นสบู่ที่ผลิตเชิงอุตสาหกรรมโดยใช้เครื่องจักรเป็นหลัก เพื่อผลิตให้ได้ปริมาณมาก โดยการนำเกล็ดสบู่ หรือที่เรียกกันว่า Soap Noodle หรือ Soap Chip มาเติมสารบำรุงผิว ซึ่งมักเป็นสารเคมี และน้ำหอม ลักษณะของเนื้อสบู่ที่ได้จะมีความแข็ง จึงสามารถนำมาปั๊มขึ้นรูปได้ จึงมักมีรูปก้อนสบู่ที่สวยงาม น่าใช้

Handmade Soap: 
เป็นสบู่ที่ใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิม โดยการทำปฏิกริยากันระหว่างน้ำมันกับสารละสายด่าง  ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกิดกลีเซอรีนธรรมชาติอยู่ในตัวสบู่ และกลีเซอรีนนี้เองที่เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และยังสามารถเติมสารธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าในการบำรุงผิวเพิ่มมากขึ้นได้ตามต้องการ  ลักษณะของเนื้อสบู่ที่ได้มักจะนิ่ม และละลายน้ำง่าย การปั๊มขึ้นรูปของสบู่แฮนด์เมดจึงทำได้ยาก จึงมักจะมีรูปทรงธรรมดาเช่น สี่เหลี่ยมหรือวงกลม  นอกจากนั้นคุณค่าของสบู่แฮนด์เมดที่มีต่อผิวยังขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันที่เลือกใช้ ซึ่งน้ำมันแต่ละชนิดกันจะมีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน


ข้อมูลจาก http://www.greenshopcafe.com/

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

LIV Capsule ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ที่ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์

"การทานยาต้านไวรัสจะทำได้เพียงจำกัดจำนวนไวรัสไม่ให้เพิ่มขึ้น แต่ LIV จะช่วยเพิ่มจำนวน CD4 ไปพร้อมกับการทำลายเชื้อไวรัสด้วย" 
 นี่คือความหวังของผู้ติดเชื้อ HIV หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เมื่อสถาบันวิจัยทางการแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ บ.เอเชี่ยนไลฟ์ ใช้เวลาค้นคว้าวิจัยนานกว่า 30ปี จนสามารถค้นพบสารสกัดธรรมชาติจากพืช 5 ชนิด ได้แก่ มังคุด ฝรั่ง งาดำ ใบบัวบก และถั่ว มาเป็น LIV Capsule ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ที่ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ 
✔สามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อ HIV
✔สามารถเพิ่มจำนวน CD4 ให้กับผู้ป่วยได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก 
✔สามารถเพิ่ม จำนวน และประสิทธิภาพ ของ T helper cell1 และ 17 ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวที่ร่างกายใช้สำหรับต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายได้ถึง 5 เท่า
✔การทานยาต้านไวรัสจะทำได้เพียงจำกัดจำนวนไวรัสไม่ให้เพิ่มขึ้น แต่ LIV จะช่วยเพิ่มจำนวน CD4 ไปพร้อมกับการทำลายเชื้อไวรัสด้วย 

LIV CAPSULE ขนาดบรรจุ 60 เม็ด 
รับประทานครั้งละ 2 เม็ด เช้าและก่อนนอน 
ราคา 1,950 บาท (ฟรีค่าจัดส่ง) 

สนใจสอบถาม ทาง INBOX หรือLine :@miracle-t